ARTICLES
เราเกิดมาอาจปราศจาก “ความกลัว” เป็นจุดเริ่มต้น แต่หลังนั้นมันได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างทันทีและตลอดเวลา ความกลัวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ความกลัวหลายๆอย่างที่ถูกพัฒนาขึ้นมามีความจำเป็นต่อการอยู่รอด เช่น กลัวไฟ ความร้อน ของแหลมคม แม้เด็กเล็กๆก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนเป็นสัญญาณเตือนภัยให้หลบหลีกหรืออยู่ห่างสิ่งเหล่านั้น เมื่อเติบโตขึ้น สไตล์/บุคลิกลักษณะ/รูปแบบพฤติกรรมของเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามการรับรู้ ตามประสบการณ์ และความคาดหวังของสังคมรอบข้าง ความกลัวของแต่ละบุคคลที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ ต่อความคาดหวัง ต่อประสบการณ์มีส่วนอย่างมากในการหล่อหลอมจนเป็นรูปแบบพฤติกรรมเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล
ตามแนวคิด DISC model สไตล์หรือบุคลิกลักษณะแต่ละรูปแบบ จะมีความกลัวที่สำคัญฝังตัวอยู่และมีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆ หากไม่ได้ตระหนักและรู้เท่าทันถึงความกลัวที่มีอยู่ในตัวเราแล้ว ก็อาจส่งผลกระทบต่อตัวเราได้อย่างมากมายในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร การสร้างสัมพันธภาพ การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การอยู่ร่วมและทำงานร่วมกับผู้อื่น ถึงตอนนี้ก็สามารถเรียกความกลัวที่เรามีอยู่ว่าเป็นปีศาจประจำตัวได้อย่างเต็มปากเต็มคำ สำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจถึงรูปแบบสไตล์ของตนเอง การทำแบบทดสอบ DISC (http://www.disc-u.net/personaltest.php) ก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ข้อมูลได้ เมื่อรู้แล้วก็มาดูกันว่าจะรับมือกับปีศาจประจำตัวของเราได้อย่างไร
กลัวการถูกเอาเปรียบ
บุคคลสไตล์ D ผู้มุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็ว ผลลัพธ์ของงานและความสำเร็จ อาจเนื่องจากประสบการณ์ที่เคยถูกเอาเปรียบทำให้ปีศาจที่อยู่ภายในสร้างกลไกการป้องกันตัวเองขึ้นมา บอกเขาว่าอย่าไว้ใจผู้อื่นและถ้าจะไม่ให้เสียเปรียบอีกก็จะต้องอยู่ในฐานะของผู้ควบคุม เข้าควบคุมในทุกเรื่องทุกขั้นตอนทุกสถานการณ์เพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการ ผลตามมาก็คือผู้คนรอบข้างเกิดความกลัว เกลียด กดดัน หลีกหนีและไม่อยากสุงสิงร่วมงานด้วย ไม่ควรเอาประสบการณ์บางส่วนมาเหมารวมทำให้เรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ควบคุมเคร่งครัดอยู่ตลอดเวลา คนที่ไว้ใจได้มีอยู่อีกมากมายรอบๆตัวเรา และที่สำคัญการทำงานของเราให้ประสบผลสำเร็จก็ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเต็มใจจากผู้อื่น ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์จากการควบคุมบงการให้สำเร็จเสร็จทันใจได้อย่างใจของเราก็จะกลายเป็นชัยชนะระยะสั้น แนะนำว่าให้ทำโลกนี้ให้ช้าลงสักนิด หลายๆงานอาจไม่ต้องการความเร็วขนาดนั้น และเพิ่มการให้ความสำคัญกับผู้คนรอบข้างมากขึ้น สนใจใส่ใจฟังมากขึ้น ยึดหลักคิด win-win ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เรื่องงานก็ได้ผล เรื่องคนก็ได้ใจย่อมจะเป็นอะไรที่ยั่งยืนมากกว่า
กลัวการถูกปฏิเสธ
บุคคลสไตล์ I ผู้ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางของความสนใจและเป็นที่รักของผู้คนที่อยู่รอบข้าง ความเศร้าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่เขาไม่ได้รับความสนใจ การถูกปฏิเสธเป็นปีศาจที่ร้ายกาจซึ่งทำให้บ่อยครั้งพวกเขาจะพูดหรือทำสิ่งที่แปลกแตกต่างอย่างสุดโต่งเพียงเพื่อดึงดูดความสนใจและได้รับการชื่นชมกลับมา จะรู้สึกเจ็บปวดถ้าถูกปล่อยปละละเลยเหมือนเป็นส่วนเกิน ถูกกีดกันในการได้มีส่วนร่วมกับกลุ่ม ไม่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยง ไม่ได้รับการบอกกล่าวให้เข้าร่วมกิจกรรม... โลกแห่งความเป็นจริงที่ต้องเข้าใจก็คือไม่มีใครที่ถูกชอบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้เป็นคนที่ดีที่สุดในสายตาของเราก็ยังมีคนที่เกลี่ยดเขาอยู่พอสมควร ดังนั้นการที่มีทั้งคนที่ชื่นชอบและคนที่ไม่ชอบไม่สนใจต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว การที่เราไม่ได้ถูกเสนอชื่อให้เข้าร่วมกับ 2-3 งานที่อยากทำก็เป็นสิ่งที่ดีจะได้ใช้เวลาที่เหลือมาโฟกัสกับอีก 7-8 งานที่ยังทำค้างคาอยู่ให้เสร็จเรียบร้อย การที่เราไม่ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงก็เป็นสิ่งที่ดีทำให้เราได้หยุดพักสะสมพลังเก็บไว้ ทบทวนวางแผนถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป เพียงเปิดใจได้อย่างนี้ปีศาจร้ายในตัวก็หมดฤทธิ์อย่างแน่นอน
กลัวความไม่มั่นคง
บุคคลสไตล์ S ซึ่งมีจำนวนมากสุดในบรรดาสไตล์ต่างๆ มักจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างรวดเร็ว เขาต้องการใช้เวลาในการค่อยๆเตรียมตัวเตรียมใจ ถึงแม้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็จะรู้สึกว่ามันสำคัญยิ่งใหญ่และเกิดความหวั่นไหว การเปลี่ยนแปลงจากความคงที่ความเป็นปกติใดๆก็ตามจะปลุกปีศาจภายในตัวให้ตื่นขึ้นมา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงสูญเสียความมั่นใจ เมื่อเวลาเปลี่ยนไปสิ่งต่างก็ต้องเปลี่ยนแปลง นี่คือสัจธรรม!! พวกเขาต้องพร้อมยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ส่งเลวร้ายเสมอไป เราทุกคนเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง อีกบานหนึ่งก็เปิดออก" ซึ่งหมายถึงว่าในทุกๆวิกฤตก็ย่อมจะมีโอกาสดีๆแฝงอยู่นั่นเอง นอกจากนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ลดทอนความกลัวและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่นและง่ายขึ้นก็คือการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมไปถึงการเตรียมแผนสำรองเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น
กลัวการถูกตำหนิ
บุคคลสไตล์ C เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นผู้ที่ชอบความถูกต้องสมบูรณ์แบบและต้องการให้แน่ใจว่าทุกอย่างที่ทำจะต้องออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่ต้องการและไม่ยินยอมที่จะให้เกิดความผิดพลาด หรือแม้กระทั่งถูกมองว่าเขาทำผิดพลาด ดังนั้นจะต้องมีการตรวจสอบ ตรวจทาน ตรวจแล้วตรวจอีก จนมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงจะปล่อยงานชิ้นนั้นออกมา ปีศาจในตัวจะถูกปลุกขึ้นมาเมื่อมีคนมาตำหนิวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เขาทำ ซึ่งเขาได้ทำอย่างทุ่มเท เขาได้ใส่ความพยายามอย่างเต็มที่ จึงทำให้เกิดความรู้สึกโกรธ เกลียด กลัว ไม่มั่นใจ หลายๆอย่างผสมผสานกัน ในการทำให้ปีศาจตัวนี้สงบลงนั้นก็ต้องระลึกว่า เป็นมนุษย์ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ อย่างที่กล่าวกันว่า “คนที่ไม่เคยผิดพลาดเลยก็คือคนที่ไม่ยอมทำอะไรเลย” แม้เป็นคนที่เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด ละเอียดที่สุด ก็ยังสามารถทำเรื่องที่ผิดพลาดได้ แน่นอนว่าผิดพลาดแล้วเราก็ต้องหาทางแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในครั้งต่อๆไป เพียงแต่ต้องไม่ไปติและตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่าลืมว่าเราก็เป็นมนุษย์เช่นกัน หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลาย แล้วปล่อยวางความสมบูรณ์แบบลงบ้าง
ไม่ว่าความกลัวและปีศาจในตัวของเราคืออะไรอย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นในการเอาชนะสิ่งเหล่านั้นคือการเข้าใจและเปิดใจยอมรับสิ่งที่ทำให้เรากลัว สิ่งที่จะตามมาก็คือการแก้ไขปรับปรุงพัฒนาตนเองให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและปลดปล่อยศักยภาพที่มีอยู่ภายในตัวได้อย่างไร้ขีดจำกัด
by : Tat Jarusaksri