ARTICLES
ในที่ทำงานซึ่งเป็นที่รวมของคนจำนวนมากและมีความหลากหลาย ต้องมาอยู่ร่วมกัน ทำงานที่ต้องพึ่งพาอาศัยและมีความเกี่ยวข้องกัน โอกาสจะเกิดการกระทบกระทั่งและข้อขัดแย้งมีขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน ความต้องการที่แตกต่าง บุคลิกลักษณะวิธีการแสดงออกก็แตกต่างกัน และถ้าเรารับมือกับการกระทบกระทั่งข้อขัดแย้งนี้ได้ไม่ดี ก็อาจกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งที่เรื้อรังหรือบานปลายใหญ่โตได้ ทำให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้ที่เกี่ยวข้องก็มีความเครียด ไม่สนุกและไม่อยากทำงาน
ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งขึ้น ถ้าเราสามารถเข้าใจลักษณะของคู่กรณี ซึ่งอาจใช้ความรู้ในเรื่อง DISC model ที่เรียนรู้มา ก็จะทำให้เราเข้าใจถึงแนวความคิดของเขา สิ่งที่เขาชอบหรือไม่ชอบ ความคาดหวัง สิ่งที่เขาให้ความสำคัญ รูปแบบวิธีการที่เขาต้องการ เราก็จะสามารถปรับแนวทางในการพูดคุยรับมือได้อย่างเหมาะสม เป็นการช่วยทำให้บรรยากาศในการเจรจาหาทางออกหรือข้อยุติดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและสร้างสรรค์มากขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะไม่ทำให้มันลุกลามบานปลายใหญ่โตขึ้น เราลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกัน
เมื่อเรามีข้อขัดแย้งกับคนสไตล์ D
คนสไตล์ D ชอบวิธีการที่ตรงไปตรงมา มีประเด็นอะไรก็นำออกมาพูดกันตรงๆ ไม่ต้องเก็บไม่ต้องซ่อน พูดกันลับหลังหรือสะสมความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้ ด้วยการที่เป็นคนใจร้อน เวลาคุยกับคนสไตล์ D ขอให้ใช้ข้อเท็จจริง บอกมาอย่างกระชับตรงประเด็น อย่าพูดวกไปวนมาพูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา ควรระมัดระวังการใช้อารมณ์ในการพูดคุยกับเขา เพราะอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเชิงลบทำให้เกิดการโต้เถียงรุนแรงขึ้นได้ ขณะเดียวกันการแสดงออกทางอารมณ์โดยคาดหวังความเห็นอกเห็นใจจากคนสไตล์นี้อาจใช้ไม่ได้ผล คนสไตล์ D จะมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์เป้าหมายท้ายสุดเป็นหลัก ดังนั้นควรใช้เวลาไปกับการหาทางออก แนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าการใช้เวลาพูดซ้ำไปซ้ำมาในรายละเอียดของปัญหาเพียงอย่างเดียว ข้อดีก็คือคนสไตล์ D เมื่อสรุปตกลงกันได้แล้ว เขาจะลงมือทำอย่างรวดเร็วทันที เพื่อให้ประเด็นปัญหานั้นหมดไป นอกจากนั้นเขามักจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่าที่ตัวบุคคล ถ้าเรื่องจบก็คือจบ ไม่ค่อยเก็บมาจดจำมาคิดอีก
เมื่อเรามีข้อขัดแย้งกับคนสไตล์ I
คนสไตล์ I ชอบบรรยากาศที่เป็นกันเอง มีโอกาสได้พูดคุยปรึกษากัน เมื่อเกิดข้อขัดแย้งกันขึ้น ควรบอกกับคนสไตล์ I ให้ชัดเจนว่าเรื่องที่เกิดไม่ใช่ประเด็นส่วนตัว เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะต้องมาช่วยกันหาทางแก้ การแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกมีแนวโน้มที่จะใช้ได้ผลกับคนสไตล์นี้ ในการพูดคุยควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้มากที่สุด ไม่ควรที่จะไปรุกเร้ากดดัน ที่สำคัญอย่าลืมให้เขาได้มีโอกาสได้พูดแสดงมุมมองความคิดเห็น อย่าด่วนรีบตัดบทหรือขัดจังหวะ แสดงการเป็นผู้ฟังที่ดี ให้เขาเห็นถึงความสนใจตั้งใจฟัง สิ่งที่ต้องตระหนักกับคนสไตล์ I อีกอย่างก็คือเรื่องกำหนดเวลา มักจะไม่เคร่งครัดกับเรื่องเวลามากนัก ดังนั้นถ้าสรุปตกลงกันได้แล้วควรทำรายการออกมาให้เห็นชัดเจน ว่าใครต้องทำอะไรบ้าง มีกำหนดเวลาที่ต้องแล้วเสร็จ เพื่อจะได้คอยติดตามเป็นระยะๆ การกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จไว้ล่วงหน้าสัก 2-3 วันก่อนวันที่ต้องการจริงๆ อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จำเป็น
เมื่อเรามีข้อขัดแย้งกับคนสไตล์ S
โดยปกติแล้วคนสไตล์ S เป็นคนที่รักสงบ ประนีประนอมยอมความ ความขัดแย้งถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงกับคนสไตล์นี้เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสัมพันธภาพ เมื่อเกิดข้อขัดแย้งกันขึ้น ควรทำให้เขาทราบว่าถึงจะเกิดเรื่องที่เป็นข้อขัดแย้งกันขึ้น เราก็ยังคงให้ความสนใจและเห็นความสำคัญของเขา สัมพันธภาพและความจริงใจทำให้เขารู้สึกว่าเรายังเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการได้รับความร่วมมือในการกำจัดข้อขัดแย้ง คนสไตล์นี้ไม่ชอบการโต้เถียง การเข้าเผชิญหน้า เอาความรุนแรงเข้าใส่กัน ถ้าถูกกดดันมากๆ ก็อาจตกปากรับคำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผ่านสถานการณ์ตรงนั้นไป หรือไม่เราก็อาจจะเจอกับสถานการณ์ที่เรียกว่า “ดื้อเงียบ” คือไม่พูด ไม่เถียง ไม่โต้ตอบแต่ก็ไม่ให้ความร่วมมือ ความจริงใจ น้ำเสียงที่ไม่กระชากดุดันช่วยให้การหาทางออกในข้อขัดแย้งกับคนสไตล์ S เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อเรามีข้อขัดแย้งกับคนสไตล์ C
คนสไตล์ C เป็นคนที่อ่อนไหวต่อคำตำหนิและการถูกวิพากษ์วิจารณ์ มีความคล้ายกับคนสไตล์ S ในข้อที่ว่าคนสไตล์นี้โดยปกติก็จะไม่ค่อยชอบการเผชิญหน้า การโต้เถียงใช้ความรุนแรงเข้าใส่กัน ในการพูดคุยกับเขาควรหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ที่ตัวบุคคล ให้เน้นไปที่เรื่องราวเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการทำให้รู้สึกว่าถูกจับผิด พูดอย่างมีเหตุมีผลและเป็นข้อเท็จจริง คนสไตล์ C ไม่ชอบการจู่โจม ปุ๊บปั๊บฉับไว โดยเฉพาะการพูดคุยเรื่องที่เป็นประเด็นปัญหา ควรแจ้งให้ทราบหรือนัดก่อนล่วงหน้า จะช่วยให้เขาได้ประมวลเรื่องราว รวบรวมความคิด โอกาสที่อยากให้ความร่วมมือจะเพิ่มขึ้น พูดคุยกับคนสไตล์นี้ต้องมีข้อมูล ควรมีการเตรียมตัวและเตรียมพร้อมในการตอบข้อคำถามที่มากมาย เมื่อคนสไตล์ C รับทราบถึงประเด็นปัญหาได้อย่างชัดเจนแล้ว โดยอัตโนมัติเขาจะใช้ความถนัดที่เป็นธรรมชาติคือการคิดวิเคราะห์ พยายามหาวิธีการในการแก้ปัญหา โดยอาจมีทางเลือกให้หลายๆทาง อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นคนที่เน้นความถูกต้อง ความมีมาตรฐาน เป็นระบบ ในการลงมือปฏิบัติอาจต้องใช้เวลา
ในครั้งต่อไปถ้าตัวเราพบประสบปัญหาการกระทบกระทั่ง ความคิดเห็นที่แตกต่าง ข้อขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน ลองประยุกต์ใช้ความเข้าใจเรื่อง DISC เพื่อช่วยลดทอนหรือระงับความขัดแย้งให้น้อยลง ไม่ให้ลุกลามบานปลายใหญ่โต ความรู้ความเข้าใจในพฤติกรรมของคนผ่าน DISC model ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เข้าใจได้ง่ายๆ ปฏิบัติได้จริง มีส่วนช่วยได้เป็นอย่างดีในการลดความขัดแย้งในการทำงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
by : Tat Jarusaksri